ไขข้อข้องใจ: แรงดันบาร์ของเครื่องทำกาแฟสำคัญอย่างไร? เครื่องชงกาแฟ 15 บาร์ กับ 20 บาร์ต่างกันอย่างไร?

Last updated: 28 ต.ค. 2568  |  22 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เครื่องชงกาแฟ 15 บาร์ กับ 20 บาร์

ไขข้อข้องใจ: แรงดันบาร์ของเครื่องทำกาแฟสำคัญอย่างไร? เครื่องชงกาแฟ 15 บาร์ กับ 20 บาร์ต่างกันอย่างไร?

ใครกำลังมองหาเครื่องทำกาแฟหรือกำลังศึกษาข้อมูล เพื่อเตรียมถอยเครื่องทำกาแฟใหม่อยู่ อาจจะเคยสะดุดตากับตัวเลข “บาร์ (Bar)” ที่ระบุไว้ในสเปกเครื่อง เช่น 15 บาร์ หรือ 20 บาร์ แล้วสงสัยว่า บาร์นี้คืออะไร สำคัญแค่ไหนกับการสกัดช็อตกาแฟ? เครื่องชงกาแฟ 15 บาร์ กับ 20 บาร์ต่างกันอย่างไร? เลขยิ่งสูงยิ่งดีหรือไม่ แล้วควรเลือกเครื่องชงกาแฟกี่บาร์ดี วันนี้ น้องเจนอาสามาไขข้อสงสัยให้ค่ะ

 

แรงดันบาร์ของเครื่องชงกาแฟคืออะไร?

“บาร์” (Bar) คือ หน่วยวัดแรงดันของปั๊มในเครื่องชงกาแฟ โดยแรงดันนี้จะเป็นตัวดันน้ำร้อนให้ผ่านผงกาแฟที่บดละเอียด  เพื่อสกัดรสชาติและน้ำมันหอมระเหยออกมา ถ้าแรงดันเหมาะสมก็จะได้ช็อตกาแฟเอสเปรสโซ่ช็อตที่เข้มข้น มีกลิ่นหอม และมีครีม่าสวยนั่นเอง


ช่วงแรงดันระดับไหนที่ใช่สำหรับเครื่องชงกาแฟของคุณ

แรงดันที่ใช้ในการสกัดกาแฟเป็นสิ่งที่มีผลต่อรสชาติของกาแฟ เพราะแรงดันบาร์ที่เหมาะสมจะช่วยให้รสชาติของกาแฟมีความบาลานซ์ทั้งความเปรี้ยว ขมและหวาน โดยแรงดันของเครื่องชงกาแฟที่ใช้ตามร้านทั่วไปมักจะอยู่ที่ 9 บาร์ ส่วนเครื่องชงกาแฟที่ใช้ตามบ้านมักจะใช้แรงดันที่ 15 บาร์ เพื่อให้การสกัดกาแฟเสถียรในสภาพแวดล้อมทั่วไป (ดังนั้นจึงตอบได้ว่า ไม่ใช่ว่าเลขสูงแล้วจะดีเสมอไป) 

นอกจากนี้ ยังมีเครื่องชงกาแฟบางรุ่นที่เหมาะสำหรับบาริสต้ามืออาชีพที่ต้องการสกัดกาแฟโปรไฟล์พิเศษ โดยเครื่องนั้นอาจสามารถปรับแรงดันในระหว่างการสกัดกาแฟได้ เพื่อให้ได้รสชาติเป็นไปตามที่ต้องการ แต่เครื่องสกัดกาแฟประเภทนี้จะไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป เพราะต้องอาศัยความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับการสกัดกาแฟและการควบคุมอย่างละเอียด หากเอามาใช้สกัดกาแฟทั่วไปอาจทำให้รสชาติไม่สม่ำเสมอในแต่ละครั้ง ก่อให้เกิดความยุ่งยากและอาจชงไม่อร่อยได้

 

เครื่องชงกาแฟ 15 บาร์ กับ 20 บาร์ต่างกันอย่างไร?

  • 15 บาร์: เป็นแรงดันมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือคอกาแฟทั่วไป เพราะสามารถสกัดกาแฟได้เข้มข้น มีครีม่าสวย ใช้งานง่าย และราคาเข้าถึงได้
  • 20 บาร์: ให้แรงดันที่สูงกว่าเล็กน้อย เหมาะกับคนที่อยากได้เอสเปรสโซ่เข้มขึ้น หรือชอบทดลองการสกัดที่ซับซ้อนขึ้น บางรุ่นยังมีฟังก์ชันช่วยลดโอกาสที่กาแฟจะสกัดไม่เต็มที่ได้อีกด้วย
    แต่สิ่งที่ทุกคนควรรู้ คือ “ไม่ใช่เครื่องแรงดันสูงกว่าจะดีกว่าเสมอไป” ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการออกแบบระบบของเครื่องและคุณภาพการบดของเมล็ดกาแฟด้วย เช่น หากบดเมล็ดกาแฟละเอียดเกินไปและใช้แรงดันมากเกินไปในการสกัดช็อตกาแฟ กาแฟที่ได้ก็จะมีรสชาติไม่สมดุลกัน อาจติดรสขมไหม้มาแทน เป็นต้น

เครื่องชงกาแฟที่มีแรงดันบาร์สูงกว่า ดีกว่าอย่างไร? 

  • ประสิทธิภาพการสกัด: เมื่อมีแรงดันบาร์ที่สูงขึ้น น้ำก็จะสามารถไหลผ่านผงกาแฟที่อัดแน่นและบดละเอียดได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเครื่องขนาดเล็กที่มีความจำกัดด้านปั๊มน้ำและระบบทำความร้อนที่จำกัดกว่าเครื่องขนาดใหญ่
  • เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้าน: เครื่องชงกาแฟที่มีแรงดันสูง เช่น 19-20 บาร์ มักถูกออกแบบมา เพื่อคุณภาพสูงสุดและใช้งานง่าย เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้าน โดยไม่จำเป็นต้องปรับแต่งอะไรมาก มีความเสถียรของการสกัดด้วยแรงดันที่สูง
  • ครีม่าที่ดีกว่า: แรงดันสูงช่วยให้กาแฟที่สกัดได้ครีม่าที่ดีกว่า มีความหนาและเนียนนุ่ม ซึ่งเป็นลักษณะสำคัญของกาแฟที่ดี โดยเฉพาะเมื่อสกัดด้วยเมล็ดคุณภาพสูง
  • ความยืดหยุ่นในการสกัดที่มากกว่า: แรงดันที่สูงขึ้นเปิดโอกาสในการชงที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่น การใช้ผงกาแฟที่บดละเอียดมาก หรือการชงโดยใช้ผงกาแฟจำนวนมากขึ้น ซึ่งต้องการแรงดันที่สูงมากพอที่จะสกัดได้ดี
  • คุณภาพสูงในเครื่องกระทัดรัด: เครื่องชงกาแฟขนาดเล็กที่มีแรงดันสูงมักถูกออกแบบมา เพื่อให้ได้คุณภาพกาแฟที่ใกล้เคียงกับเครื่องขนาดใหญ่ เรียกได้ว่า คุณภาพเกินขนาด 

ควรเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟกี่บาร์ดีที่สุด?

คำตอบกว้าง ๆ คือ 15 บาร์ก็เพียงพอแล้วสำหรับการทำเอสเปรสโซ่ที่ได้รสชาติเข้มข้นและครีม่าสวยงาม แต่หากได้เครื่อง 20 บาร์ ก็จะเหมาะกับคนที่อยากลองเล่นกับรสชาติใหม่ๆ ให้แตกต่างออกไป ถือเป็นข้อดีที่เครื่อง 20 บาร์สามารถยืดหยุ่นได้มากกว่าเครื่อง 15 บาร์ (บาริสต้าบางคนที่อยากให้รสชาติของกาแฟเป็นไปในโทนแบบอื่นตามที่ต้องการ เช่น อยากให้กาแฟออกเปรี้ยวมีความเป็น Acidity เพิ่ม หรือ Sweetness after taste เพิ่มขึ้น อาจลดแรงดันบาร์ลงตามคาแรกเตอร์ของเมล็ดกาแฟนั้น ๆ)

โดยสรุปแล้ว แรงดันบาร์มีผลต่อการสกัดกาแฟ แต่ไม่ได้หมายความว่า แรงดันเยอะกว่าจะดีกว่าเสมอไป หากคุณกำลังหาคำตอบว่า เครื่องชงกาแฟ 15 บาร์ กับ 20 บาร์ต่างกันอย่างไร? สรุปได้ง่าย ๆ ก็คือ ทั้งสองสามารถทำเอสเปรสโซ่ได้อร่อย เพียงแต่ 20 บาร์อาจให้การสกัดที่เข้มขึ้น มีครีม่าที่ดีขึ้น มีความเสถียรในการสกัดมากขึ้น โดยเฉพาะในเครื่องทำกาแฟที่ใช้ในบ้าน ทำให้ได้กาแฟคุณภาพสูงขึ้น โดยไม่ต้องลงทุนกับเครื่องขนาดใหญ่หรือต้องมีทักษะบาริสต้าสูง

ดังนั้น หากกำลังชั่งใจว่า เครื่องชงกาแฟกี่บาร์ดี? ให้มองที่มาตรฐาน 15 บาร์เป็นหลัก (ถ้าสูงกว่าได้ยิ่งดี เพราะสามารถปรับแต่งได้มากขึ้น) แล้วค่อยดูฟังก์ชันอื่น ๆ ประกอบว่า ยังต้องการอะไรเพิ่มอีกไหม เช่น เมล็ดกาแฟที่ดี เฟืองบดที่มีคุณภาพ และเบอร์บดที่เหมาะกับความชอบของคุณ รับรองว่า คุณจะได้กาแฟแก้วที่ถูกใจทุกเช้าอย่างแน่นอน

 

เครื่องชงกาแฟ Jenniferoom Espresso Machine ชงกาแฟได้เข้มข้นด้วยแรงดัน 19 บาร์ สร้างครีม่าได้สวยไม่แพ้ร้านดัง

จากที่กล่าวไปแล้วว่า เครื่องชงกาแฟที่ใช้ทั่วไปมีแรงดัน 15 บาร์ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าจะให้ช็อตกาแฟมีคุณภาพดี บอดี้แน่นหรือมีความเข้มข้น และรสชาติคงอยู่ในปากนานขึ้น ไม่หายไปเร็ว มีความครีม่าสีทองสวย ฟองเล็กฟูละเอียด ดังนั้น การลงทุนด้วยเครื่องชงกาแฟที่มีครบทั้งเฟืองบดเมล็ดกาแฟแบบ Conical Burr ในตัว และแรงดันในการชงที่ให้มาถึง 19 บาร์ พร้อมสร้างครีม่าสีทองสวยด้วยการออกแบบมาอย่างพอดี เพื่อช่วยให้การสกัดเป็นไปอย่างสม่ำเสมออย่าง Jenniferoom Automatic Coffee Machine เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า แถมยังใช้งานง่ายแค่กดปุ่ม touchscreen เบา ๆ ก็พร้อมสกัดทันทีแบบไม่ต้องรอ Pre-Heat ให้เสียเวลา เลือกได้ทั้งแบบ 1 ช็อต สำหรับจิบเบา ๆ  2 ช็อต สำหรับคนที่ต้องการกาแฟปริมาณมากขึ้น หรือจะเป็นแค่น้ำร้อนก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงแตะครั้งเดียวเท่านั้น เรียกได้ว่า ครบทุกฟังก์ชันและใช้งานง่าย เหมาะใช้ได้ทั้งที่บ้านและประจำออฟฟิศเลยทีเดียว

สั่งซื้อได้แล้ววันนี้ที่ https://www.makro.pro/th/p/8LbpX8c9-311972022698444 

Tel. 02-2585210-13
Line: @jenniferoomth
Facebook : Jenniferoomth.Official 
Shopee : https://bit.ly/ShopeeJENNI

Lazada : https://bit.ly/LazadaJENNI

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้